ในครั้งก่อนเราได้พูดคุยกันถึงเรื่องวิธีการเกษียณเร็ว นั่นก็คือ การสร้างพอร์ตรายได้จากทรัพย์สิน (หรือ Passive Income) ให้มากกว่า รายจ่ายรวม (Total Expense) ในแต่ละเดือน และได้เกริ่นถึงเครื่องมือต่างๆ ในการสร้างรายได้จากทรัพย์สินกันไว้ในตอนที่แล้ว
ในตอนนี้เราจะมาคุยกันถึงวิธีการจัดพอร์ตเกษียณเร็วกันครับ …
สมมตินายจักรพงษ์ ปัจจุบันอายุ 25 ปี (ลดอายุไปเยอะเลยทีเดียว 555) วางแผนอยากจะเกษียณเร็วในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยประเมินจากรายจ่ายในปัจจุบัน คาดว่าในตอนอายุ 35 ปี เขาน่าจะมีรายจ่ายตกเฉลี่ยต่อเดือน 50,000 บาท
ดังนั้นเขาจึงวางแผนเกษียณเร็ว โดยมีเป้าหมายพอร์ตรายได้จากทรัพย์สินในตอนอายุ 35 ปี เท่ากับ 60,000 บาท เพื่อให้นอกจากมีเงินใช้ทุกเดือนแล้ว ยังมีเงินเหลือเก็บได้อีก 10,000 บาทเป็นประจำทุกเดือนด้วย
นายจักรพงษ์เลือกจัดพอร์ตเกษียณของตัวเองไว้ดังนี้ …
ถ้ายังจำกันได้ถึงหลักคิดเรื่องของ ชีวิต – ความมั่งคั่ง – การเรียนรู้ ที่ได้คุยกันมาแล้วในตอนก่อนๆ
เมื่อเราทราบแล้วว่าชีวิตต้องการอะไร … “อิสรภาพทางการเงินและเวลา จะได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวและส่ิงที่รัก”
สิ่งที่เราต้องการนั้นมีเงินมาเกี่ยวข้องและเป็นเครื่องสนับสนุนชีวิตยังไง … “แผนเกษียณเร็ว” โดยอาศัยการสร้างทรัพย์สิน (ซึ่งในที่นี้คือ ธุรกิจ หุ้น และอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า) ให้มี Passive Income 60,000 บาท
สุดท้ายก็ต้องมาเปลี่ยนแผนเกษียณเร็วให้กลายเป็น … การเรียนรู้และลงมือทำ
ในขั้นตอนนี้ให้กำหนดเป็นแผนเกษียณเร็วหรือแผนการสร้างทรัพย์สิน ให้มีรายละเอียดชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถเริ่มต้นเรียนรู้และลงมือทำ จนเกิดผลในแบบที่ต้องการได้
เช่น นายจักรพงษ์ ตั้งเป้าหมายว่าจะสร้างรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า 25,000 บาทต่อเดือน โดยกำหนดเป็นแผนการเรียนรู้และลงมือทำในช่วง 10 ต่อจากนี้ไว้ ดังนี้
ลงทุนซื้อคอนโดฯ มือสอง ในแนวรถไฟฟ้า ใกล้แหล่งงาน ระดับราคา 2-3 ล้านบาท เพื่อปล่อยเช่า จำนวน 4 ห้อง โดยใช้เงินธนาคาร 90-100%
กำหนดเกณฑ์ค่าเช่าหักลบค่าใช้จ่าย (รวมเงินผ่อนธนาคาร) ให้มีส่วนต่างขั้นต่ำ 5,000 บาทต่อเดือนต่อห้อง
ใช้เวลาช่วงวันจันทร์-ศุกร์ ค้นหาทรัพย์สินทางอินเทอร์เน็ต และนัดหมายโบรกเกอร์ทุกวันเสาร์ช่วงเช้า เพื่อลงพื้นที่สำรวจทรัพย์สินที่สนใจจะซื้อ ตั้งเป้าหมายดูอสังหาฯไม่ถึง 80 ห้องไม่เลิก (อัตราส่วนทรัพย์สินที่เหมาะกับการลงทุน เป็น 20:1 หรือลงดูทรัพย์สิน 20 แห่ง อย่างโชคร้ายที่สุด คุณน่าจะพบทรัพย์สินที่ลงทุนได้ 1 แห่ง)
เมื่อซื้อลงทุนแล้ว ให้ทยอยย้ายชื่อตัวเองเข้าไปในทะเบียนบ้าน ห้องละ 1 ปี เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3 เปอร์เซ็นต์ หากต้องขาย ในกรณีที่มีข้อเสนอดีๆ และมีส่วนต่างกำไรมากพอ
ทุกๆ 3 ปี ทำการรีไฟแนนซ์เงินต้นที่ยังค้างอยู่ เพื่อลดค่าผ่อนชำระ อีกทั้งอาจพิจารณาเพิ่มค่าเช่า (ถ้าทำได้) ในกรณีที่ราคาค่าเช่าในตลาดเพิ่มสูงขึ้น เพื่อเพิ่มส่วนต่างกระแสเงินสดต่อเดือน
ฯลฯ
หรืออย่างเป้าหมายการลงทุนในหุ้นที่ต้องการเงินปันผลเดือนละ 5,000 บาท หรือ 60,000 บาทต่อปี ก็อาจคิดกลับง่ายๆว่า หุ้นปันผลชั้นดีในบ้านเราให้ผลตอบแทนในรูปเงินปันผลเฉลี่ย 3-4 เปอร์เซ็นต์
สมมติว่าคิดที่ 4 เปอร์เซ็นต์ ถ้าอยากได้เงินปันผลปีละ 60,000 บาท ก็ต้องมีเงินลงทุนอย่างน้อยเท่ากับ 1.5 ล้านบาท (คำนวณโดยเอา 60,000 หารด้วย 4%)
และนั่นคือโจทย์ที่เราต้องหาเงินมาลงทุนในหุ้นปันผลว่า จะเอามาจากไหน สะสมเป็นก้อนแล้วค่อยลง หรือจะทยอยซื้อสะสมไปเรื่อยๆ เมื่อมีจังหวะ เป็นต้น
ทั้งหมดนี้ คือ แนวคิดการจัดพอร์ตเกษียณเร็วเบื้องต้น ถ้าใครสนใจผมแนะนำว่าให้เริ่มลองทำได้เลยนะครับ ทำแล้วก็ค่อยๆ เรียนรู้และลงมือทำกันไป สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้แผนการนี้ประสบความสำเร็จได้ ก็คือ การมีวินัยและอดทนมากพอที่จะลงมือทำและเรียนรู้ต่อเนื่องไปจนกว่าจะประสบความสำเร็จ